1
ยอดเขาช่อ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในพื้นที่ จังหวัดสระบุรี เป็นยอดเขาที่มีทัศนียภาพสวยงาม มุมเปิดราวๆ180 องศา จากจุดชมวิวสามารถมองเห็นยอดเขาเขียว จ.นครนายก จ.สระบุรี ได้เลยทำให้เป็นวิวที่สวยงามน่าค้นหา
ยอดเขานี้ยังไม่เป็นที่รู้จักของนักเดินป่ามากนัก และในปกติจะเป็นเส้นทางฝึกภาคสนามของนักเรียนหลักสูตรจู่โจม เรียกง่ายๆว่า เรนเจอร์หรือเสือคาบดาบ ที่เป็นหลักสูตรรบพิเศษของทหารบกนั่นแหละครับ สำหรับเส้นทางนี้ไม่หนักไม่เบาพอได้หืดขึ้นคอพอสมควร ผู้สนใจเตรียมร่างกายก่อนขึ้นด้วยนะครับเนื่องจากทางขึ้นช่วงหลังๆทางค่อน ข้างชันเลยทีเดียว สำหรับรายละเอียดของทริป ผมอยากให้เพื่อนๆที่สนใจ อ่านและดูรูปภาพที่ทางผมและทีมงานนำเสนอให้หมดก่อนตัดสินใจเดินครับ
สนใจเดินป่าเส้นทางนี้สามารถติดต่อได้ที่
สนใจทริป ติดต่อสอบถามรายละเอียดทริปกับทางทีมงานได้ที่ 094-559-8800 ครับผม
ก่อนเริ่มผมและทีมงาน นัดรวมตัวกันที่ หน่วยเขาใหญ่ ขญ 18 ครับที่แห่งนี้มีทั้งความทรงจำดีๆมากมาย เจ้าหน้าที่ที่นี่ น่ารักทุกๆคนครับ สำหรับทางผมได้มานอนรอก่อนในคืนวันศุกร์ครับ เพื่อว่าตอนเช้าจะได้ไม่ต้องรีบออกได้พักผ่อนเสียก่อน สำหรับใครที่อยากจะเดินผมอยากให้ติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ หน่วยเขาใหญ่ ขญ 18 ก่อนนะครับ
สำหรับทริปนี้เป็นทริปแรกของการทดสอบรองเท้านินจาของผม ลองซื้อมาดูว่าจะโอเคไหมหากจะใส่เดินป่า เพราะมีหลายๆคนบอกว่าโอเค แถมราคาก็ยังถูกกว่ารองเท้าเดินป่าแพงๆอีกด้วยครับ เดี่ยวพอจบทริปจะสรุปผลการใช้งานให้ครับ
การเตรียมตัวขึ้นเขาช่อ
Option อื่นๆนำเสนอครับ
วันแรก เวลา 8:00 เริ่มเดินทางจากหน่วยเขาใหญ่ที่ 18 ไปยังสำนักสงฆ์ทรัพสวนพลูเราจะเริ่มเดินเท้าจากที่นี่ สภาพเส้นทางจากจุดเริ่มออกตัว ก่อนออกเดินทาง มีการเรียกรวมกลุ่ม และบอกกฏและให้คำแนะนำสำหรับการเดินเส้นทางนี้จากเจ้าหน้าที่ พี่บัวลอย ครับ
ช่วงออกเดินทางก็จะเป็นป่ายางครับ ระยะทางไม่ไกลมากครับ เมื่อหมดป่ายางก็จะเริ่มเข้าสู่ป่าแล้วครับ
ช่วงแรกเดินลัดเลาะป่าทึบ เดินตามกันเข้าไป แนะนำให้เกาะกลุ่มกันหน่อยครับ ไม่ควรเดินห่างจากเจ้าหน้าที่นำทางครับเพื่อป้องกันไม่ให้หลงทางครับ และปลอดภัยหากเจอปัญหาครับ
ตลอดระยะทางก็จะพบเห็นร่องลอยของ พ่อใหญ่ เป็นช่วงๆครับลอยทั้งใหม่ทั้งเก่าปะปนไปหมด บางจุดก็จะพบ กิ่งไผ่ที่โดนเหยียบและเตะเล่นจากพ่อใหญ่ก็มีครับ ดังนั้นก็ควรจะเกาะกลุ่มกันไว้หน่อยก็ดีครับผม และเป็นอีกเหตุผลที่เวลาเข้าป่าเราควรมีเจ้าหน้าที่นำทางนะครับ
เดินเรียบลำธารข้ามไปมาราวๆ 1-2 กิโลเมตร จนถึงจุดพักจุดแรกครับ เป็นลำธารขนาดเล็ก ก็ยังสามารถนอนแช่น้ำกันได้ครับ จุดนี้เดินเข้ามายังไม่ไกลมากนักครับ ได้แวะพักและถ่ายรูปเลยได้เจ้าลูกกบลูกเขียดมา 1 รูปครับ
รองเท้า + ถุงมือ + ปลอกแขน เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทริปนี้อย่างมากครับ รองเท้านินจา ช่วงแรกการเดินก็ยังพอไหวอยู่ครับมีปัญหาตรงที่เวลาเราเดินบนหินต้องระวังเป็นอย่างมากครับ เพราะลื่นมากๆเลยครับ ดังนั้นหากมีแผ่นหินกับดิน ผมเลือกที่จะเหยียบดินมากกว่า ปลอดภัยไว้ก่อน
พักกันเสร็จก็ออกเดินทางกันต่อเลยครับ อย่างที่เคยบอกไปครับเดินป่าช่วงหน้าฝนนี่ได้ความสนชื่นมากๆครับ ต้นไม้ มอส เริ่มแตกใบ เริ่มเขียวสวยทีเดียวครับ มีสมาชิกถามผมว่าเอาปลอกแขนใครมาหวานเชียว พอดีผมชอบสีตัดๆกันหน่อยครับ เลยเลือกสีส้มเวลามีตัวอะไรมาเกาะจะได้เห็นชัดๆ และเวลาถ่ายรูปก็เด่นดีครับ ชัดเจน
แวะพักทานข้าวกลางวันกันที่นี่ครับ ลำธารจุดสุดท้าย เตรียมตัวกรอกน้ำใส่ขวดเพราะต่อจากนี้ไปจะไม่มีน้ำแล้วครับ จะมีอีกทีก็ตอนถึงที่หมายเลยครับ ดังนั้นทานข้าวให้อิ่มและเติมน้ำให้พร้อมต่อการเดินทางต่อ
สำหรับทริปแบบนี้ มีสมาชิกเดินหลายท่าน จำเป็นอย่างมากที่เราต้องมีเจ้าหน้าที่ 2 ท่านเพื่อความปลอดภัยแก่สมาชิกครับ เราเดินๆพักๆกันตลอดทางทำให้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มครับแต่ก็ยังเดินตามกันอยู่ครับผม อันนีคือน้องนก เจ้าหน้าที่ตัวน้อย พ่อครัวมือหนึ่งเลยครับ
เราได้พักทานข้าวกลางวันกันที่ น้ำตกสุดท้ายก่อนเดินขึ้นทางชันอีกครั้งครับ รูปนี้เราเริ่มเดินขึ้นเข้ากันแบบชันๆแล้วครับ ใครออกกำลังกายบ่อยๆอาจจะชิลๆก็ได้ครับ ยังไงก็สู้ๆเริ่มจุดที่ยากสะแล้ว
เข้าป่าทุกทริปผมเจองูทุกทริปครับ ทริปนี้ก็เช่นกันครับ งูเขียวหางไหม้ เสียดายหัวมันหลบอยู่ แถมกล้องผมเป็นเลนส์ที่ต้องถ่ายไกล้ๆสะด้วย
ถึงเป็นทางชันก็ยังเป็นทางชัดในระยะยาวครับ ช่วงชันช่วงแรกก็ยังมีต้นไม้น้อยใหญ่ นั่งพักกันเสียก่อนกระเป๋าก็แสนจะหนักทางก็ไม่รู้จะชันไปถึงไหน
หมดทางชันในช่วงแรกไปแล้ว เรามาถึงที่โล่งแล้วครับ แต่ก็ยังเป็นป่าหญ้าคา และ ทุ่งไผ่หญ้าปล้อง ต้นแขม เป็นต้นที่เขาไว้ทำไม้กวาดกันนี่แหละครับ แต่อันนี้ขึ้นตามธรรมชาตินะครับ คงไม่มีใครแบกจอบขึ้นมาปลูกแน่นอนครับ เป็นจุดที่ผมบอกได้เลยว่าถุงมือเป็นสิ่งที่จำเป็นครับ รวมไปถึงรองเท้าที่มีปุ่มด้วยครับ
มาถึงตอนนี้รองเท้านินจาของผมก็ยังทำหน้าที่ได้ดีอยู่ครับ ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วครับหากเป็นทางที่ไม่ใช่หินผมสู้ตายเลยทีเดียว ไม่ว่าจะชันสักเท่าไหร่ผมก็ไปไหว แต่เสียดายที่มันออกจะหลวมๆหน่อยครับแต่ก็ยังไหวอยู่ครับ หากเป็นช่วงหลัก ก.ค. นี้ไปแล้วส่วนใหญ่ต้นหญ้า ต้นแขม จะสูงเลยเอวครับทำให้เดินยากมากครับ
เดินไปพักไป และชมวิวไปด้วยในตัวครับ ช่วงนี้เราจะเริ่มเห็นวิวทิวเขาแล้วครับ ซึ่งสวยงามเลยทีเดียวทำให้รีบอยากขึ้นไปให้ถึงยอดเสียเร็วๆครับ
มุดต้นไม้ถ่ายเลยทีเดียว ไม่มีคนช่วยถ่ายให้ก็ต้องถ่ายเองเลย
สาวๆเห็นวิวแล้วก็อด ถ่ายรูปกันไม่ได้ ผมเลยเก็บภาพมาฝากด้วยเลยครับ
ท่านนี้คือเจ้าหน้าที่ พี่บัวลอย ของเราครับไปกับพี่บัวลอยทีไรมีแต่เสียงหัวเราะกลับบ้านทุกครั้งครับ ทริปสนุกกันทุกทริปเลยครับ สำหรับคนที่จะเดินป่าที่เขตนี้ก็ต้องติดต่อพี่บัวลอยนี่แหละครับ
พักไปเยอะแล้วก็เดินต่อครับ จะได้ถึงที่หมายกันไวๆ
และแล้วเราก็ถึงที่หมาย หลังจากเดินกันมานาน เดินๆพักๆกันตลอดทาง ใช้ระยะเวลาในการเดินทางไป 5 ชมได้ครับอาจจะไม่มากเกินไปและไม่น้อยจนเกินไป แต่ก็หนักสำหรับคนที่พึ่งเริ่มเติมป่าใหม่ๆ และจะยิ่งหนักหากไม่ได้เตรียมตัวมาดี เรารีบเดินไต่กันขึ้นไปยังยอดเขาเลย
เมื่อขึ้นถึงยอดยังไม่ทันไปไหน พี่ลอยคนเก่งชวนกินข้าวสะแล้ว เลยไม่อยากขัดนั่งกินข้าวก่อนในระหว่างรออีกกลุ่มตามมา เป็นไงหละครับวิวกินข้าวสุดแสนจะสวยงาม มีเงินเป็นหมื่นยังหาที่กินแบบนี้ไม่ได้เลยนะครับ
เสร็จเรียบร้อยก็เดินเข้าที่พักครับ จัดแจงเก็บกระเป๋าเอาของเขาเปลออกมาขึง รีบๆผูกฟรายชีท ก่อนฝนจะตกช่วงนี้หน้าฝนอะไรก็ไม่แน่นอนทั้งนั้น
เสร็จเรียบร้อยก็ ก่อกองไฟครับ เตรียมตัวไปขนน้ำเนื่องจาก ที่พักเราไม่ได้ติดลำธารนะครับต้องเดินลงไป 300 เมตรเพื่อไปตักน้ำขึ้นมาทำกับข้าวนะครับ หากไปมืดก็ไม่แนะนำให้ไปครับ ดังนั้นต้องรีบๆหน่อยนะถ้าอยากอาบน้ำ
เมนูอาหารที่ผมแนะนำ
อาหารที่ไม่ต้องทำ
ส่วนอาหารต่างๆก็แล้วแต่เจ้าของผู้จัดทริปครับ ส่วนตัวผมก็แอบซื้อไก่ไปให้สมาชิกในกลุ่มเพิ่มรอบนอก เพราะอยากได้บรรยากาศแบบนั้น
ไฟพร้อม น้ำพร้อม ก็หุงข้าวสิครับทีมแบกเราแบกข้าวขึ้นมาต้ง 10 โล อย่าถามว่ากินกันหมดไหมบอกได้คำเดียวว่าเหลือบาน
นอนรอรวมกลุ่ม เทสเปลหลังผูกเสร็จครับ
เรียบร้อยก็ปูผ้าใบสำหรับกองกลาง ทำกับข้าวกันครับ ช่วยๆกันปู ช่วยๆกันเก็บ
ปูเสร็จเรียบร้อยก็ถ่ายรูป มาเช็ครูปที่กล้องกันหน่อย ทริปนี้ดีหน่อยครับตากล้องเพียบ ข้อดีของมีตากล้องไปด้วยคือจะมีรูปเราแน่ๆ ที่ผ่านมาทริปอื่นๆมีแต่รูปคนอื่นไม่มีรูปผมเพราะผมแบกกล้องอยู่คนเดียวนี่แหละ
เก็บภาพดาวบนดินยามค่ำคืนมาฝากครับ จากกล้องแจ๊ค ครับส่วนตัวผมขอนอนก่อนหละครับ
เมื่อตืนเช้ามาเราก็เตรียมจัดแจงทำอาหารมือเช้า พร้อมเก็บที่นอน เปลและเต้นท์ เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับ พักที่นี่ 1 คืนครับอีกวันก็ต้องกลับเข้าเมืองนั่งทำงานกันแล้วครับ
รูปชุดถ่ายจากโดรนครับ ใครจะคิดแบกโดรนขึ้นไปถ่ายแบบทริปนี้จัดไปได้เลยครับ รูปสวยจริงๆครับต้องขอบคุณ แจ๊ค มากสำหรับรูปสวยๆครับผม
บนยอดเขาเห็นนกเงือก บินอยู่ตลอดครับ เมื่อมีนกเงือกแปลว่าป่าเขตนี้สมบุรณ์ครับ อย่างไรอยากให้ช่วยกันรักษาป่าแถบนี้ไว้ เพื่อให้คนรุ่นหลังๆได้เดินกันบ้างครับ ป่าในบ้านเรายิ่งมีน้อยๆอยู่
ฝากรูปช่วงการเดินทางกลับครับ
ทริปนี้เป็นทริปหารเฉลี่ยครับ อาหารที่แบกขึ้นไปพร้อมอาหาร ก่อนออกเดินทางด้วยครับทางคุณไกรช่วยในการจัดเตรียมไว้ให้ รวมไปถึงค่าเจ้าหน้าที่ สำหรับค่าบริการนำทริปเจ้าหน้าที่ก็ถือเป็นสินน้ำใจ ไม่ใช่เงินอะไรมากมายครับ ถือว่าเป็นพี่เป็นน้องกันครับ คนที่ทำงานตรงนี้ต้องใจรักจริงๆเพราะเงินทองหรือเงินเดือนไม่ใช่เงินที่มากมายอะไรเลยครับ
รวมทริปนี้หารแล้ว 1 คนไม่ถึง 1000 บาทครับแต่จะเท่าไหร่ผมขอไม่แจ้งนะครับเพราะราคาค่าทริปบางครั้งอยู่ที่อาหารที่จัดเตรียมครับ ผมขอนำเสนอไก่สัก 2 ตัวครับกำลังดี
ขอขอบคุณทริปดีๆ จากคนจัด คุณไกร
ขอบคุณรูปสวยๆจากสมาชิก และมิตรภาพดีๆมากมาย ทั้งร่วมให้สามารถนำรูปมาช่วยแบ่งปันกันต่อ
ขอบคุณเสียงหัวเราะตลอดคืน และเรื่องเล่าดีๆจากเจ้าหน้าที่ น้องนก
ขอบคุณการช่วยเหลือ แบกของ และเก็บขยะจากผืนป่าจากคุณเช
ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทั้งสองนาย สำหรับการดูแลกลุ่ม
ขอบคุณพี่ๆที่เคยมาเดินแล้ว พาเดินและให้คำแนะนำดีๆตลอดทาง
ขอบคุณคุณแจ๊คที่จัดทำวีดีโอสวยๆ เจ๋งๆออกสู่โลกออนไลน์ให้หลายๆท่านที่ไม่เคยมาได้อยากมา
ขอบคุณโดรนตัวเล็กๆที่สร้างภาพอลังการให้เรา
ขอบคุณเสียงเครื่องเป่าเล็กๆกับเพลง..... จำชื่อเพลงไม่ได้แล้วชิลมากๆ 555
ทริปนี้จะไม่สนุกเลยหากเราขาดท่านใดท่านหนึ่งไปครับผมและทีมงานหวังว่าเราจะได้มีทริปดีๆแบบนี้แน่นอน
สนใจเดินป่าเส้นทางนี้สามารถติดต่อได้ที่
ติดต่อเจ้าหน้าที่ 095-632-4449 (พี่บัวลอยเจ้าหน้าที่)
สนใจทริป ติดต่อสอบถามรายละเอียดทริปกับทางทีมงานได้ที่ 094-559-8800 ครับผม
ลิ้งค์สำหรับแชร์
http://www.thaipocket.com/review/242/เขาช่อ.html