1
อุทยานแห่งชาติหาดวนกร ชายหาดอันลือชื่อของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ทอดตัวเป็นแนวยาวลงไปในทะเล ทิวทัศน์ที่เงียบสงบ หาดทรายขาวสะอาด บนฝั่งมีทิวสนทะเลและสนประดิพัทธ์เป็นแนวขนานกับทะเล มีพื้นที่ทั้งหมด ประมาณ 23,750 ไร่ หรือ 38 ตารางกิโลเมตร ในเขตตำบลห้วยทราย ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง และตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พันธุ์ไม้ส่วนใหญ่เป็นไม้ที่ปลูกขึ้นใหม่ได้แก่ สนทะเล สนประดิพัทธ์ สะเดา
อุทยานแห่งชาติหาดวนกร แต่เดิมเป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าวังด้วนและป่าห้วยยาง เป็นที่ตั้งของสวนป่าห้วยทราย ท้องที่อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ สวนป่าห้วยยาง สวนรุกขชาติห้วยยาง และสถานีวนกรรมห้วยยาง ท้องที่อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาสถานีวนกรรมห้วยยางได้ถูกยกเลิกไป เมื่อทางกรมป่าไม้มีนโยบายที่จะจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ จึงได้โอนพื้นที่แห่งนี้มาให้กองอุทยานแห่งชาติดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ 2532 เป็นต้นมา และได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าวังด้วน ป่าห้วยยาง และเกาะใกล้เคียง ในท้องที่ตำบลห้วยทราย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ และตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมเนื้อที่ 38 ตารางกิโลเมตร โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 109 ตอนที่ 126 ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2535 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 76 ของประเทศไทย
อุทยานแห่งชาติหาดวนกร ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอเมือง และอำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีทางรถไฟสายใต้ผ่านตอนกลางของพื้นที่ มีอาณาเขตทิศเหนือติดที่ดินกรรมสิทธิ์บ้านวังด้วน และค่ายตำรวจตระเวนชายแดน ทิศใต้จดห้วยคอกม้า และสถานีฝึกนิสิตคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทิศตะวันออกจดทะเลอ่าวไทย และทิศตะวันตกจดถนนเพชรเกษม โดยทั่วไปอุทยานแห่งชาติหาดวนกรเป็นที่ราบหลังชายหาด มีเกาะเล็กๆ 2 เกาะ คือ เกาะจาน และเกาะท้ายทรีย์ ลำห้วยที่สำคัญได้แก่ ห้วยคลองหินจวง ซึ่งไหลผ่านตอนกลางของพื้นที่ แต่ปริมาณน้ำมีน้อย ในฤดูแล้งขาดเป็นช่วงๆ
ผมนำสาระน่ารู้เกี่ยวกับต้นสนมาฝากด้วยครับ ระหว่างต้นสนทะเล กับสนประดิพัทธ์ ครับ
ต้นสนทะเลจะมีลักษณะของกิ่งที่แยกออกจากลำต้น ไม่เป็นระเบียบมีกิ่งก้านสาขามากมาย ต้นสนทะเลเป็นไม้พื้นเมืองของไทยครับ พบในแถบพื้นดิน หาดทรายชายทะเลทั่วไปครับ สำหรับสนทะเลสาารถแพร่พันธุ์ได้เองตามธรรมชาติ
ต้นสนประดิพัทธ์ เป็นไม้พื้นเมืองของเกาะชวาที่ประเทศอินโดนีเซียครับ ซึ่งนำเข้ามาปลูกในไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ลักษณะยอดรูปกรวยแหลม มีกิ่งขนาดเล็ก ทำมุมแหลมกับต้น การแตกกิ่งเป็นระเบียบ ขึ้นได้ทั้งนดินทรายถึงดินเหนียวครับ
ผืนทรายที่ชายหาดนี้เป็นแนวชายหาดอันลือชื่อแห่งหนึ่งของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เลยก็ว่าได้ครับ เป็นทะเลที่อยู่ในด้านทะเลฝั่งอ่าวไทย หาดวนกรเป็นชายหาดที่เกิดขึนจากการยกตัวของเปลือกโลกครับ
เมื่อท่านลงมาเดินเล่นบริเวณชายหาดวนกรที่เป็นหาดทราย ก็จะพบกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆมากมาย ทั้งเปลือกหอยนาๆชนิด และบนบริเวณชายฝั่งจะมีทิวสนทะเล และสนประดิพัทธ์ที่ให้ความร่มรื่นเย็นสบาย
อันนี้ต้นพะยูงครับ เก็บรูปมาฝาก
ซึ่งในช่วงฤดูมรสุม ประมาณเดือน ตุลาคมถึงปลายเดือนมกราคม จะเป็นช่วงที่มีลมหนาวพัดลงมาครับ บางครั้งก็จะทำให้มีคลื่นที่ขนาดใหญ่พัดเข้าฝั่งของหาดวนกร และคลื่นก็จะนำเศษหิน เปลือกหอย กรวดทราย เข้าฝั่งดังนั้นหากช่วงมรสุม หากพาเด็กๆมาเล่นน้ำผู้ปกครองก็ควรดูแลอย่างไกล้ชิดสักหน่อยนะครับ
ที่แห่งนี้มีการ กางเต้นท์นอนกันหลายจุดครับ และทางเจ้าหน้าที่อุทยานก็มีเต้นท์และถุงนอนให้เช่าในราคาที่ไม่แพงด้วยคับ เท่าที่สองถามมาค่าเต้นท์เช่าอยู่ที่ 220 บาทครับ และค่าถุงนอนอีก 60 บาทครับผม สำหรับเต้นท์ทางเจ้าหน้าที่ก็จะทำการกางไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวครับ
มองออกไปในท้องทะเลจะเห็นเกาะอยู่ เกาะนั้นคือเกาะจานและเกาะท้ายทรีย์ ครับบนเกาะทั้งสองนี้จะมีถ้ำซึ่งเป็นที่อยู่ของนกนางแอ่นกินรังนีบแสนตัว เลยทีเดียว และเนื่องจากมีการทำสัมปทานรังนำ ทำให้ยังไม่สามารถเปิดท่องเที่ยวเข้าชมได้ครับ แต่สามารถดำน้ำดูปะการังได้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ อุทยาน หาดวนกร ก็มีบริการสำหรับการดำน้ำดูประการังอยู่เช่นกันครับ
ที่นี่จะมีทั้งฝูงปลาน้อยใหญ่ ที่ซ่อนตัวอยู่ตามแนวปะการัง มีทั้งปะการังเขากวางที่กระจายอยู่ไปทั่ว และนอกไม้ทะเลหลากหลายชนิดครับ สำหรับสัตว์น้ำที่พบเห็นได้ก็เช่น ปลาผีเสื้อคอยาว ปลาการ์ตูนอินเดียนแดง ปลาไหลมอเร่ย์ ปลาสากเหลือง และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
ชายหาดที่นี่ถือเป็นชายหาดที่สวย สะอาด น้ำทะเลก็ใสครับ แถมยังเงียบสงบด้วยครับ ไม่แน่ใจว่าถ้าผมไปช่วงที่เขามาเที่ยวกันเยอะๆ คนจะแน่นมากแค่ไหนครับ
อุทยานแห่งชาติหาดวนกรเดิมเป็นพื้นที่สวนป่าเก่า ความหลากหลายทางพืชพันธุ์ธรรมชาติจึงมีให้เห็นไม่มากนัก สภาพป่าที่พบในปัจจุบันจึงค่อนข้างโปร่งประกอบด้วย ป่าชายหาด ขึ้นเป็นบริเวณแคบตามแนวชายหาดและโขดหินที่ได้รับอิทธิพลจากทะเล พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ สนทะเล หูกวาง โพทะเล ปอทะเล สารภีทะเล ขลู่และผักบุ้งทะเล ป่าเบญจพรรณ พบบริเวณทั่วไป มีสภาพเป็นป่ารุ่นที่สอง พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ ยาง เกด ประดู่ มะค่าแต้ มะค่าโมง พะยอม ตะเคียนทอง หว้า ดำดง ตะแบก ตะแบกกราย ขนาน ฝาง สะเดา ติ้ว อ้อยช้าง พืชพื้นล่างได้แก่ เข็มป่า ข่อย กระไดลิง เถาย่านาง ไผ่นวล ไผ่ป่า สาบเสือ หนามเล็บเหยี่ยว นมวัว หนามคณทา เปล้าน้อย หนามเกี่ยวไก่ ตะขบ ฯลฯ และ ป่าเขาหินปูน พบบริเวณเกาะจานและเกาะท้ายทรีย์ พันธุ์ไม้ที่พบเป็นไม้ขนาดเล็กและเจริญเติบโตช้า ได้แก่ สลัดได เป็นต้น สำหรับพันธุ์ไม้ที่ปลูกในพื้นที่สวนป่าเก่า ได้แก่ สนทะเล สะเดา งิ้ว นนทรี มะฮอกกานี กระถินณรงค์ ยูคาลิปตัส คูณ แสมสาร จามจุรี สัก และสีเสียดแก่น
ด้วยสภาพพื้นที่ขนาดเล็กและเป็นป่าโปร่ง สัตว์ป่าที่พบมีจำนวนน้อยชนิด ส่วนใหญ่เป็นนกชนิดต่างๆ ได้แก่ ไก่ป่า นกเอี้ยงสาริกา นกขมิ้นท้ายทอยดำ นกยางทะเล นกยางกรอก นกแซงแซวหางปลา นกแซงแซวหางบ่วง นกดุเหว่า นกตะขาบทุ่ง นกกระแตแต้แว้ด นกเอี้ยงสาริกา อีกา นกกางเขนบ้าน นกจาบคาเล็ก นกจาบคาหัวสีส้ม นกเขาใหญ่ นกเขาเปล้า นกปรอดสวน นกบั้งรอก นกกะปูด นกกระรางหัวหงอก นกเค้าแมว นกแอ่นบ้าน นกนางแอ่นกินรัง สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ได้แก่ กระแต กระรอก อีเห็น กระต่ายป่า พังพอน ชะมดเช็ด สุนัขจิ้งจอก และเม่น สัตว์เลื้อยคลาน ได้แก่ ตะกวด แย้ งูเห่า งูกะปะ งูเหลือม สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ได้แก่ กบ อึ่งอ่าง และเขียด และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่พบตามแนวชายหาด เช่น ปูลม ปูเสฉวน หอยทับทิม หอยเวียน หอยเจดีย์
อุทยานแห่งชาติหาดวนกรครอบคลุมพื้นน้ำประมาณ 15.36 ตารางกิโลเมตร สัตว์น้ำที่พบเป็นจำพวกปลาน้ำจืดได้แก่ ปลาดุก ปลาช่อน ปลาขาว ปลาหมอ ปลานิล และในส่วนของทรัพยากรใต้ทะเลจะพบปลากระบอก ปลาเก๋า ปลากะพง ปลาสีกุน ปลาสลิดหิน ฯลฯ ปะการัง กัลปังหา พบในบริเวณเกาะจานและเกาะท้ายทรีย์
เบอร์ของศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 063-1421121 , 032-510663