1
ดอยหลวงเชียงดาวอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยเชียงดาว อ. เชียงดาว อยู่ในเขตอำเภอเชียงดาว การเดินทาง จากเชียงใหม่ไปยังอำเภอเชียงดาว ระยะทาง 72 กิโลเมตร ดอยหลวงเชียงดาวตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของอำเภอเชียงดาวเดินออกจากบ้านถ้ำหรือหน้าถ้ำ โค้งไปทางขวามือหรือซ้ายมือ ใช้เวลาประมาณ ครึ่งวัน
สำหรับรูปภาพและรายละเอียดลองอ่านดูก่อนนะครับ เบื้องต้นแล้วสำหรับผมทริปนี้ ถือเป็นการเดินป่าที่ไม่ยากมากครับเพราะทางเดินถือว่าเดินได้ปกติครับ แต่ความหนักหรือความยากจะอยู่ที่ระยะทางและความอึด อดทนครับ เพราะเดินกันหลายชัวโมงเลยครับ
ไม่เหมาะสำหรับคนที่อายุเยอะหรือเด็กเกินไป ยิ่งถ้าหัวเขาไม่ดีก็ไม่เหมาะครับ ที่นี่ดีอีกอย่างครับคือมีลูกหาบด้วยครับ ได้ลูกหาบดีก็มีชัยไปกว่าครึ่งครับ เจอลูกหาบดีๆอย่าลืมให้ค่าขนมน้องๆเขาบ้างนะครับ สำหรับรายละเอียดผมจะพยายามอธิบายตามภาพเลยนะครับ
สำหรับการติดต่อขอขึ้นดอยหลวงเชียงดาวนั้นเราสามารถติดต่อที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวครับ รายละเอียดสอบถามเพิ่มเติม เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว
โทร. 08 9955 1417
สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่ากรมอุทยานแห่งชาติ และพันธุ์พืช เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
โทร. 0 2561 4832
สุเมธี ริกา. 2550. ประวัติตำนานการค้นพบถ้ำหลวงเชียงดาว
www.chiangmaipao.go.th
ผมเดินทางออกจาก กทม กันตั้งแต่ 3 ทุ่มครับเพื่อที่เราจะไปถึงจุดหมายในตอนเช้าครับ ก็จะมีพักกันบ้างตามปั้มน้ำมันถ้าง่วงนะครับ เพราะเป็นการขับรถในระยะทางที่ไกล เป็นไปได้มีคนเปลี่ยนกันขับได้จะดีมากครับ และถ้าง่วงก็ควรจะจอดรถนอนที่ปั้ม นะครับ
เราเดินทางมาถึงที่ เชียงใหม่ก็ตอนเช้าพอดีครับ เปลี่ยนกันขับมาและก็จอดพักบ้างครับ เราถึงที่หมายอย่างปลอดภัย พบกับความหนาวที่เมืองเชียงใหม่ แต่ก็ยังไม่หนาวเท่าที่ควรครับ
รูปภาพอาจจะไม่ค่อยตรงกับคำอธิบายสักเท่าไหร่นะครับพอดีผมเอาเนื้อหาเป็นทางการมาจากเว็บที่ให้ความรู้อีกทีครับ อีกทั้งผมขับรถกันไปเที่ยวหลายที่ สำหรับรูปนี้อาจจะไม่ตรงสักทีเดียว
เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 107 (เชียงใหม่-ฝาง) ถนนลาดยางที่อยู่ติดเขตพื้นที่ป่าที่สำรวจได้แก่ช่วงบ้านปิงโค้ง (กม.83) อำเภอเชียงราย-แยกเข้าบ้านตับเตา (กม.118) อำเภอไชยปราการ
เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1178 (ตอนแยกเมืองงาย กม. 79 บ้านนาหวาย กม. 24 เป็นถนนลาดยางระยะทาง 24 กิโลเมตร และจากบ้านนาหวาย กม. ที่ 24 - บ้านเมืองนะ ถนนดินลูกรังบดอัดระยะทางประมาณ 34 กม. ใช้งานได้ทุกฤดูกาล ) ถนน ก.ป.ร. กลาง เป็นถนนดินลูกรังบดอัดระยะทางประมาณ 10 กม. เข้าบ้านห้วยจะด่าน (แยก กม. ที่ 99 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 107
คืนแรกผมนอนรอกันอยู่ที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ครับเพื่อรอที่จะขึน่ดอยในตอนเช้าครับ ในรูปคือตอนเช้าครับ เราก็มาชั่งน้ำหนักกันครับ และก็รอลูกหาบของเรามาครับ เพื่อเตรียมตัวขึ้นดอยครับ สำหรับใครที่เอาขวดน้ำไปหรือเศษที่เป็นถุงขยะ เจ้าหน้าที่จะทำการจดไว้ ให้เราเอาลงมาคืนด้วยนะครับ (จะได้ช่วยกันรักษาความสะอาดและผืนป่าให้อยู่ต่อไป)
คนพร้อม รถพร้อม ลูกหาบพร้อม ก็ออกเดินทางไปยังทางขึ้นดอยหลวงเชียงดาวครับ เราเลือกเดินขึ้นที่จุดขึ้น เด่นหญ้า ครับ
ระหว่างทางก่อนถึง ก็จะมีต้นไม้สองข้างทาง จุดนี้ดูสวยดีครับผมเลยรีบถ่ายรูปเก็บไว้เกือบจะไม่ทันแนะ หลายๆคนไปทางนี้ก็คงจะได้เห็นถนนช่วงนี้กันแน่ครับ
และแล้วเราก็มาถึงจุด หน่วยพิทักษ์ป่าขุนห้วยแม่กอก จุดตรงนี้คือจุดที่เราจะขึ้นทาง เด่นหญ้า นะครับจุดนี้อยากบอกให้เพื่อนๆที่จะไปทราบนะครับ ที่ผมสอบถามทางเจ้าหน้าที่มาเหมือนว่าจุดนี้จะสามารถกางเต้นท์นอน รอขึ้นได้เหมือนกันครับ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจดีครับ แต่อาจจะต้องสอบถามทางเจ้าหน้าที่ก่อนนะครับ
จุดนี้จะมีต้น พญาเสือโคร่ง อยู่สองข้างทางตรงทางเข้านะครับ จากรูปจะอยู่หลังป้ายครับน่าเสียดายช่วงที่ผมไปตรงจุดนี้ยังไม่บานครับ ยังเป็นดอกตูมๆอยู่เลย แต่ก็ได้ถ่ายรูปมาไว้ก่อนหละครับ เหมือนอยู่ ต่างประเทศยังไงก็ไม่รู้ สวยไปอีกแบบนึงครับ
อย่างที่บอกไว้เหมาะกับการกางเต้นท์ เพราะมีลานหญ้ากว้างๆครับ น่าสนใจทีเดียวครับ แต่ผมไม่รู้นะครับว่าถ้าเราจ้างลูกหาบจะนัดแนะกันอย่างไร ลองติดต่อที่ทำการดูก่อนนะครับ
จุดทางขึ้น จะเป็นจุดเส้นทางศึกษาธรรมชาติ แหมช่างเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ไกลแสนไกลเลยครับ ถ่ายคู่กับป้ายสักหน่อยก่อนเริ่มออกเดินทาง ทางขึ้นจะอยู่หลังหน่วยครับ
ทางนี้คือทางขึ้น เด่นหญ้า ครับทางเดินก็เดินง่ายครับไม่ค่อยจะมีเรื่องของการปีนป่ายสักเท่าไหร่ หญ้าก็ไม่ได้ขึ้นหนาแต่อย่างไรครับ ช่วงทางเดินเข้าแรกๆเหมือนทางเจ้าหน้าที่จะปลูกต้นดอกพญาเสือโคร่งไว้ หวังว่าอีกหน่อยน่าจะสวยเลยแหละครับเส้นทางนี้
ตลอดสองข้างทางช่วงแรกจะเป็นป่าสน ครับมีหญ้าขึ้นข้างทางตลอด รวมไปถึงวิวที่เรามองรอดออกไปจะเห็น ทิวเขาอยู่รอบๆตัวครับ
ช่วงระหว่างทางเดิน ก็เจอกลุ่มเพื่อนเดินทางกลุ่มอื่น มาขอให้ถ่ายรูปให้หน่อย เลยส่งทีมงานหน่วยกล้าตายไปเป็นตากล้อง ตอนแรกนึกว่าจะมาขอถ่ายรูปกับเราเสียอีกแหมน่าเสียดายจริงๆ
ระหว่างทางก็จะเจอพวกดอกไม้แปลกๆ ต้นไม้แปลกๆขึ้น ครับก็มีหยุดดูบ้างถ่ายรูปบ้าง พักเหนื่อยไปในตัวเลย กล้องสุดแสนจะหนักเริ่มไม่เข้าใจตัวเอง เดินป่าแบกกล้องไปหนักก็หนัก
ช่วงที่เราเดินขึ้น เราก็จะเจอลูกหาบเดินแซงเราขึ้นไปครับ ลูกหาบนี่ฟิตกันจริงๆครับ เจอทีก็ถามกันที (อีกไกลไหมครับ) เสียที่ตอบกลับมาอย่างชื่นใจ เดินอีกสักพักก็ถึงครึ่งทางแล้วพี่ (เป็นลมแป๊บบ)
ป่าที่นี่ไม่ได้มีต้นไม้หนาเท่าที่ควรครับ หากเพื่อนๆไปช่วงหน้าร้อนหรือช่วงที่แดดแรง ผมว่ามีเป็นลมแน่ครับ แต่ที่แน่ๆวิวที่นี่ทำให้ผมนึกถึงหนัง พวกไดโนเสาร์ เลยครับ
ตลอดสองข้างทาง เมื่อเราเดินป่าเข้าไปตามทางลึกๆ ก็จะเห็นต้นดอกพยาเสือโคร่งบาน ชมพูตัดกับสีเขียวของต้นไม้ชนิดอื่นๆรอบข้างครับ โชคดีหน่อยผมไปช่วงที่เจ้าดอกนี้บานพอดีครับ ทำให้ได้เห็นความสวยงามเช่นนี้ตามสองข้างทางครับ อาจจะไม่ตลอดเส้นทางแต่ก็มีให้เห็นได้เป็นช่วงๆครับ
ที่ใดมีเจ้าต้นนี้ ก็จะเห็นพวกนกมากันเพียบครับ จะได้ยินเสียงนกร้อง และบินไปมาเลยหละครับ
อันนี้ลูกหาบที่ทางเราจ้างมาครับ ชื่อน้องต๋อง ครับดูแลพวกผมดีเช่นกันครับและพาเดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้น และ พระอาทิตย์ตกครับ แถมตอนกลับยังเดินขึ้นกลับมารับผม ช่วยผมแบกกล้องอีกต่างหากครับ ดีจริงๆ ทริปหน้าไปก็จะติดต่อน้องเขาไว้
เท่าที่สอบถามหากเรารู้จักลูกหาบสามารถแจ้งทางเจ้าหน้าที่ จองตัวได้ครับ ยิ่งเรารู้จักลูกหาบก็ยิ่งดีครับ ความช่วยเหลือเข้าถึงได้ทันทีครับ
บางจุดอาจจะมีปีนบ้าง นะครับ
สองข้างทางก็จะมีดงกล้วยครับ ถ้าเราเดินไปถึงดงกล้วยให้รีบดีใจไว้ก่อนเลยครับ เพราะเหมือนกับว่าจะไกล้ถึงครึ่งทางแล้ว
เมื่อมาถึงที่จุดกางเต้นท์ ผมแนะนำหากเอาเต้นท์ให้ลูกหาบ อาจจะให้น้องเขาช่วยเรากางก่อนเลยไว้รอเราก็ได้ครับ แต่สำหรับผมก็ไปกางกันเองครับ น้องต๋องลูกหาบก็มาช่วยกางเช่นกันครับ เรารีบกางเต้นท์ให้เสร็จเพื่อจะรีบเดินขึ้นเขาไปดูพระอาทิตย์ตกดิน
จะเหนื่อยสักแค่ไหนก็ต้องเดินต่อ เพราะถ้าไม่เดินต่อไปดูพระอาทิตย์ตกดิน ก็เหมือนมาไม่ถึงหละครับ
ระหว่างทางเดินไปดูพระอาทิตย์ตก ตอนเย็นสุดแสนจะลาดชัน มีหินมากมายเลยครับ อดทนหน่อยเมื่อยอีกสักนิด เดินต่อจากจุดที่กางเต้นท์ก็ไกลพอประมาณครับแต่ไม่มากครับ ดูจากในรูปจะเห็นที่อยู่ไกลๆนั่นแหละครับ เต้นท์ที่กางนอนกันครับ
จุดกางเต้นท์กางได้สองมุมนะครับ ผมไปกางตรงทางจุดแรกที่เดินมาถึงเลยครับ ที่จริงถ้าเดินเข้าไปต่ออีกหน่อยวิวจะสวยครับ อย่างเต้นท์ในรูปจะเป็นอีกจุดที่ผมพูดถึงครับ
เมื่อขึ้นมาถึงก็จัดแจงนั่งพักและถ่ายรูปกันได้ตามสะดวกเลยครับ ผมขอไม่เกริ่นอะไรต่อ นะครับดูตามรูปเลย เดี่ยวเราไปต่อกันตอนเช้า
ดอยหลวงเชียงดาว คนโบราณเรียกกันว่า ดอยเพียงดาว เนื่องจากเมื่อแหวนดูยอดของมันจะเห็นว่าสูงเหยียดฟ้า เหมือนกับว่ามันสูงเทียมดาวต่อมาเรียกเพี้ยนไปว่า ดอบหลวงเชียงดาว บางทีเรียกว่า ดอยอ้างสลุง คำว่าสลุงหมายถึง อ่างน้ำหรือขันน้ำ เพราะบนยอดดอยเชียงดาวมีลักษณะ เป็นอ่าง 2 แห่ง อ่างใหญ่มีบริเวณกว้าง 4-5 ไร่ อ่างที่ 2 มีบริเวณกว้าง 1 ไร่ มีภูเขาตั้งโดยรอบดูคล้ายกับเจดีย์ โดยรอบจะมีถ้ำเล็กใหญ่มากมายหลายสิบถ้ำ
จากบนยอดดอยซึ่งเป็นที่ราบแคบๆ สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามรอบด้าน คือทะเลหมอกด้าน อ. เชียงดาว ดอยสามพี่น้อง เทือกเขาดอยเชียงดาวตลอดจนถึงยอดดอยอินทนนท์อันไกลลิบ อากาศเย็น ลมแรงและสมบูรณ์ด้วยดอกไม้ป่าภูเขาที่หาชมได้ยากมากมายรวมทั้งนกและผีเสื้อด้วย(ไม่เหมาะที่จะขึ้นไปยืนบนยอดดอยทีละกลุ่มใหญ่ๆเพราะจะไปเหยียบย่ำทำลายพรรณไม้บนนั้นได้แม้จะโดยไม่ตั้งใจก็ตาม)การเข้าไปใช้พื้นที่ต้องทำหนังสือขออนุญาตถึงผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่ากรมป่าไม้ อย่างน้อย 2 อาทิตย์ก่อนการเดินทาง
ยอดสูงสุดเรียกว่า ดอยหลวงเชียงดาว (เพี้ยนมาจากคำที่ชาวบ้านในละแวกเปรียบเทียบดอยนี้ว่าสูง เพียงดาว) มีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนรูปกรวยคว่ำสูง 2,195 เมตรจากระดับน้ำทะเล สูงเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศรองจากดอยอินทนนท์และดอยผ้าห่มปก
มุมมหาชน
หลังจากดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จ ผมก็กลับมายังเต้นท์ที่พักเพื่อจัดเตรียมเก็บของเพื่อที่จะเดินลงกันครับ ผมมาพัก 1 คืนในป่าแต่หลายๆคนก็จะนอนค้างสองคืน ซึ่งพักสองคืน กำลังดีครับ เพราะสามารถเดินชมได้รอบๆ จุดพระอาทิตย์ขึ้นมีจุดให้ดู 3 จุดครับพูดง่ายๆก็คือ ยอดเขา 3 ลูกที่สามารถเดินขึ้นไปชมได้ครับ
หลังจากเก็บเต้นท์เสร็จก็แจ้งลูกหาบและเดินลงครับ ผมเดินขึ้นมาจากทางเด่นหญ้า แต่ตอนกลับผมกลับลงทางปางวัวครับ สำหรับปางวัว ทางเดินค่อนข้างชันครับ ส่วนตัวแล้วไม่เหมาะกับคนที่ร่างกายไม่พร้อมครับ แนะนำเดินกลับเด่นหญ้าดีกว่าครับ วิวที่ปางวัวไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่ แถมทางเดินส่วยใหญ่แล้วเป็นการเดินลงเขาครับ เดินลงอย่างเดียวเลยครับ
เมื่อเดินถึงด้านล่างก็จะมีรถมารับเรากลับไปที่หน่วย เพื่อนำขวดและเศษขยะไปแลกเงินมัดจำคืนครับ สำหรับรถแล้วเราก็ต้องเช่าและโทรแจ้งเขาในตอนเดินลงครับ เมื่อลงถึงจะได้เจอรถเลยไม่ต้องนั่งรอครับ
ข้างบนดอยมีน้ำขายด้วยนะครับ ขายอยู่ที่ 25 ลิตร 500 บาทแต่อาจจะต้องแจ้งลูกหาบไว้ก่อนนะครับจะเป็นน้ำไว้ใช้ครับแต่ถ้าจะใช้กิน แนะนำให้ต้มก่อนก็จะดีนะครับ ที่แจ้งให้ทราบเพราะจะได้ไม่ต้องแบกน้ำขึ้นไปข้างบนเยอะครับ จะหนักเอา
แนะนำเรื่องการขับถ่ายครับ เนื่องจากที่นี่เป็นส้วมแบบ ส้วมหลุมดังนั้น ดูแลเรื่องกระดาษเช็ดชู่ด้วยครับ เนื่องจากมีหลายคนไม่ได้เข้าห้องน้ำตามที่จัดแจงไว้ แล้วไปทิ้งกระดาษเช็ดชู่เป็นจุดๆ ทำให้ไม่น่าดูเลยครับแถมดูอันตรายอีกครับ กว่าจะย่อยสลายก็นาน มันจะไม่น่าดูเอาครับ เมื่อเราไปเที่ยวแล้วก็อยากให้เก็บรักษาธรรมชาติดีๆไว้ให้คนข้างหลังเขาได้เข้ามาเยียมชมบ้างครับ
เดี่ยวคนที่ไปทีหลังจะไม่เจออะไรนอกจากกระดาษเต็มไปหมดรอบเต้นท์ ทางที่ดีหากคิดจะถ่ายนอกสถานที่ที่ทางเจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้ แนะนำให้พกพลั่วขุดเล็กๆของอุปกรณ์เดินป่าไปครับ ขุดหลุมแล้วทำธุระเสร็จเรียบร้อยก็กลบให้ดีครับ
สุดท้ายใครที่ชื่นชอบการเดินป่า หรือพักแรมแบบกางเต้นท์ ผมแนะนำที่นี่เลยครับ รีบไปก่อนที่จะเดินขึ้นดอยไม่ไหวนะครับ ความสวยงามของภูเขาและผืนป่าเมืองเหนือครับ