1
จริงเราเคยไปหลวงพระบางมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไปคนเดียว เลยยังไม่ได้ไปน้ำตก เค้านี้มีพี่ ๆ ไปเลยกะว่าจะขับไซค์ชิว ๆ ไปน้ำตกกันดีกว่า 36 กม. แอบหืดขึ้นคอเหมือนกัน ไหนจะฝน ไหนจะหนาว ไหนจะทางไม่ดีอี๊กกกกกก
วันที่ 10 21.00 กรุงเทพฯ - เลย
วันที่ 11 08.00 เลย - หลวงพระบาง เดินหาไรกินตลาดมืด
วันที่ 12 09.00 ขับมอไซค์ไปน้ำตกตาดกวางสี ช่วงบ่ายไปตาดแซ ค่ำเดินถนนคนเดิน
วันที่ 13 06.00 ตักบาตรข้าวเหนียว ถ่ายรูป ไหว้พระรอบ ๆ เมือง
09.30 หลวงพระบาง - วังเวียง
16.30 ถ้ำจัง ชมพระอาทิตย์ตกดิน
วันที่ 14 Day Trip ถ้ำน้ำลอด พายเรือคายัค ขับมอไซค์ไป Blue Lagoon
วันที่ 15 วังเวียง - เวียงจันทร์ - หนองคาย - อุดรธานี - เลย - กรุงเทพฯ
เด๋วจะบอกนะว่าทำไมไม่เป็น หนองคาย - กรุงเทพฯ
แรกเริ่มเดิมที เราตั้งใจจะไปวังเวียงเพียงคนเดียว แต่พอรุ่นพี่ (นามสมมุติ...พี่จีจี้) รู้เข้าขอตามไปด้วย อ้าวววว ไปก็ไปซิครับบบจะรออะไรมีกัน 2 สาว จากนั้นเราก็จัดการจองตั๋ว จองที่พัก ให้เรียบร้อยนอกนั้นไปหาเอาดาบหน้า ครั้งนี้เราออกทางด่านท่าลี่ จ. เลย มุ่งสู่หลวงพระบาง
เส้นทางนี้ถือว่าเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดล่ะ เราตัดสินใจออกทางนี้ แต่กลับทางหนองคายแทน กำหนดการของเราวางไว้แบบนี้ จนเหลือเวลาอีก 2 วันจะเดินทาง มีรุ่นพี่ (นามสมมุติ...พี่นู๋วิทย์) ซึ่งเป็นเพื่อนของพี่จีจี้อีกที โดนเพื่อนเบี้ยวทริปสิบสองปันนา จะขอไปด้วยให้ช่วยเช็คตั๋วให้หน่อยว่ามีไหม ว๊าาาาายยยย !!!!! ขุ่นพี่มันจะมีตั๋วไหมเนี่ย แผนรวนไปหมด แต่ตั๋วจาก จ. เลย - หลวงพระบาง มีอยู่ พี่นู๋วิทย์เลยบอกงั้นเราขับรถไปกันเองไหม ก็ได้พี่แต่ปัญหาของเรามันก็มีอีก คือเราออกทางเลย แต่กลับทางหนองคาย อุต๊ะ!!!! เอาไงกันดี
ผลสรุป ออกมาว่าเอางี้ล่ะกัน เราขับรถไปจอดแถว บขส. เลย ส่วนขากลับเราก็ผจญภัยกันหน่อยว่าจะหาทางมา บขส. เลยกันไงดี 5555 ความมันส์เลยบังเกิด
ทริปนี้เราออกเดินทางกันทั้งหมด 3 คน ก่อนจะเดินทางพี่จีจี้มีการสั่นประสาท ว่าเด๋วเมิงดู แล้วจะรู้ว่าทำไมพี่นู๋วิทย์ ถึงได้ฉายา "รถด่วน" ไอ้เราก็ไม่คิดอะไร คิดแค่ว่าคงแค่ขับรถเร็วแค่นั้น แต่ป่าวเลยยยย พี่แกรเห็นโค้งพี่แกรเหยียบส่งงงงงงง
ถึงกับนอนกันไม่ได้ทีเดียว เด๋วเหวี่ยงซ้ายยยย เด๋วเหวี่ยงขวาาา (ใครนึกภาพไม่ออก ลองนึกถึงเส้นหล่มสัก - ด่านซ้าย ว่าทางโค้งมันเยอะแค่ไหน) อันตัวนั้นขลุกขลัก อยู่ที่เบาะหลังได้แต่นึกถึงหน้าพ่อ หน้าแม่ 5555 คิดในใจ เฮ้ย!!!! พี่แกรไม่คิดจะแตะเบรคบ้างเลยหรอ เข้าโค้งทีความเร็วไม่ต่ำกว่า 100 ใช้เวลาในการขับประมาณ 7 ชม. เราก็มาถึง จ. เลย เราคุยกันว่า ถ้ามาถึงเร็วเราจะไปตักบาตร หาไรกินกันที่เชียงคานกัน แต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ พอเราขับถึงเชียงคาน กำลังจะหาที่จอดรถฝนตกลงมาแบบฟ้ารั่ววววว ทำเอาความฝันพวกเราสลาย
พวกเราเลยตัดสินใจกลับไปหาที่จอด แวะล้างหน้า ล้างตาเพื่อเตรียมตัวไปหลวงพระบาง รถออกช้านิดหน่อย แต่ขับช้ามากกกกกกกกกกก ออกจาก จ.เลย 8.37 แต่ถึงหลวงพระบาง ประมาณ 3 ทุ่มกว่า ๆ ยิ่ง ๆ ทางขึ้นเขา ช้าขนาดที่ว่าเดินเร็วกว่า เหมือนเครื่องรถมันไม่มีกำลังอ่า ทำให้นึกถึงพี่นู๋วิทย์อยากให้แกรลงไปขับแทนจริง ๆ 5555 ไม่มีความพอดีเลยยย เมื่อคืนก็ Fast 10 มาตอนนี้ยิ่งกว่านั่งรถไฟ นั่งกันจนเมื่อยตูด ขยับเป็น 100 ท่า หลับ ๆ ตื่น ๆ มันไปตลอดทาง ทรมานมากก (คิดในใจ...ถ้าครั้งต่อไปมาอีกครั้ง จะไม่ออกทาง จ.เลยแล้ว) พอมาถึงหลวงพระบาง พวกเราเหมารถตุ๊กให้มาส่ง คนละ 80 บาท เห็นมันดึกแล้ว ไม่อยากต่อให้เสียเวลา เอาก็เอา เมื่อมาถึง รร. ปัญหาเกิดแล้ว ไม่มีชื่อเราให้ตารางจอง
ต้องไปตามน้องอีกหนึ่งมา สรุปรายการจองของซ้ากับทาง Agoda เราจองผ่าน Booking สรุปเค้าให้ห้องนั้นกับทาง Agoda ไปแล้ว ทำไงล่ะ น้องเค้าเราบอกเรา เค้ามีเหลือ 1 ห้องแต่ไม่มีระเบียงส่วนตัว (เราจองมาแบบมีระเบียงส่วนตัว กะเอาไว้จิบเบียร์ 555) เราเลยบอกแล้วงี้ทำไง อยากได้แบบมีระเบียงส่วนตัว น้องเค้าเลยบอกเด๋วผมลดให้เหลือ USD. 20 สรุปลดให้ 5 เหรียญ เราเลยหันไปบอกงั้นเราขอนอน 3 คนนั้น สรุปน้องบอกได้ 5555 โดนหักคอไป และโดนอีกรอบด้วยอัตราเรทมันต้อง 1 บาท : 32 บาท เราเลยบอก 600 บาท หยวน ๆ นะ คุยกันสักพักน้องบอกได้ ๆ สรุปเรานอนที่นี่ 2 คืน 600 บาท / 1 คืน สรุปตกคนละ 200 บาท / คืน ห้องพักถือว่าสะอาดใช้ได้นะ เมื่อเราจัดการเช็คอินเรียบร้อย จากนี้ก็ออกไปหาไรกินกันที่ตลาดมืด หิวมากกก มื้อนี้พวกเรากินเฝอกัน แต่จะว่าไปพวกเราก็กินกันแต่เฝอนะ อยากกินไรที่มันแซ่บ ๆ วันนี้จบไปแบบเพลีย ๆ
พวก เราเลยได้แต่ขึ้นไปแก่ว ที่ห้องพัก ทำไงก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ดูแล้วคงหยุดยาก เราเลยตัดสินใจ เฮ้ยยย !!! พี่มาแล้วไปเถอะ เปียกก็เปียก ถ้ารอหยุดคงยาก เพราะวันนี้เราแพลนกันไว้ว่าจะไปน้ำตกตาดกวางสี และเช่ามอไซค์ให้เค้ามาส่งที่ รร. ตอน 9 โมงเช้า หลังจากที่เช็คอุปกรณ์สำภาระให้อยู่ในถุงกันน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทาง เราเช่ามอไซค์ 2 คน พี่นู๋วิทย์ขับ 1 คัน อีกคันเราขับไปกับพี่จีจี้ แต่ขุ่นพระ...
หนาวเหน็บ.... เม็ดฝนกระแทก กรุส์เจ็บนะ 555 สายตาสั้น ใส่คอนแทค ถ้าไม่ใส่แว่นกันน้ำก็เข้าตา เคืองตาอีก แต่พอใส่ไปสักพัก น้ำก็แกะเต็มแว่น ต้องคอยเอามือปัด ประหนึ่งมือกรุส์เป็นที่ปัดน้ำฝน 555 กับระยะทาง 36 กม.
ทำไม มันช่างยาวไกลซะเหลือเกิน ทางก็ไม่ค่อยดี อีพี่จีจี้ก็คงกลัว เพราะก่อนมาทำเราว่า เมิงขับมอไซค์แข็งใช่ไหม ตอบมันไปว่า แข็งแต่ส่าย ๆ หน่อยนะ มันหัวเราะลั่น อะไรของเมิง ขับแข็งแต่ส่าย
ป้าย 5 กม. สุดท้ายเห็นอยู่ไกล ๆ แต่มือมันแข็งด้วยความหนาวว แทบจะบิดไม่ได้ แต่เพราะอีป้าย 5 กม. สุดท้ายทำให้มีแฮง ฮึดขึ้นมา เห็นป้ายทางเข้าน้ำตก ชะนีแทบกรี๊ส ความพยายามได้สิ้นสุดลงแล้ว อีพี่จีจี้ ลงไปเดินไป ไม่มีแรงบิดคันเร่งล่ะ มือแข็งไปหมด ที่น้ำตกเราเสียค่าเข้าคนละ 80 บาท แต่ขอบอกว่ามันสวยคุ้มค่ากับความเหนื่อยมาก
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่นานเหมือนกัน พอเดินออกมา เราตกลงกันว่าจะหาไรกินกันก่อนเพราะมันเที่ยงกว่าแล้ว พวกเรามาได้ร้านตรงทางออกน้ำตก ร้านนี้หมูย่างอร่อยมาก ๆๆๆๆๆๆ แกล้มกับเบยลาว ฟินเฟ่อร์!!!! หลังจากอื่มแล้วเราเดินทางกันต่อ เราตั้งใจไปตาดแซกัน แต่ระหว่างที่กลับ เจอร้านกาแฟริมทาง แต่บรรยากาศดี เห็นวิวแม่น้ำโขง พวกเราเลยแวะกัน พี่ ๆ กินกาแฟ ส่วนเราอากาศมันให้เน๊อะ จิบเบียร์แก้หนาวหน่อย 5555
ก่อนไปตาดแซ พวกเราแวะไปจองตั๋วไปวังเวียงกันก่อน วนหาสถานีบ้านนาหลวงอยู่ 3 รอบ วนหาจนเจอจริง ๆ แค่เลี้ยวซ้ายตรงแยกที่สนามกีฬาไปทางที่เราจะไปน้ำตกตาดแซนี้ล่ะ ใกล้นิดเดียวเอง จากนั้นเราจองรอบ 9.30 โมงเช้าไปวังเวียง เพื่อที่จะได้เหลือเวลา ไม่อยากให้ถึงดึก จากนั้นเมื่อจองเรียบร้อยแล้ว เราก็ขับไปตาดแซกันต่อ
มาถึงตาดแซ เกือบ 5 โมงแต่เฮ้ย!!! ไม่มีคนเลย หรือจะปิดแล้ว เราเลยเดินไปถาม พี่ ๆ ค่ะยังมีเรือไปตาดแซไหม พี่เค้าตอบครับ ดีใจเหมือนจบมา แล้วหางานทำได้ 555
แต่!!! แต่!!! ขุ่นพระ มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมันวังเวงแบบนี้ ไม่มีนักท่องเที่ยวสักคน เดินผ่านช่องเก็บค่าเข้าก็ไม่มีคน ยิ่งเดินไป เดินไป ยิ่งมีแต่ความเงียบเข้าปกคลุม จนเราได้เห็นภาพเบื้องหน้า มันเป็นแอ่ง ๆ คล้ายมันขึ้นแอ่งที่รองรับ น้ำตก แต่น้ำ ๆ ไปไหนหมด ในหัวของเรามโนไปเรื่อย ๆ หรือมันจะเกิดโศกนาฎกรรมไรขึ้น ช่วยกันคิดกับพี่จีจี้ ว่ามันต้องมีอะไรแน่ ๆ เพราะพวกเครื่องเล่น adventure ก็ยังคงมีอยู่ เราเดินแทบจะสิงพี่จีจี้ด้วยความกลัว ตัดสินใจชวนกันกลับ พอเจอน้องคนขับเรือ ถามว่ามันเกิดไรขึ้นหรือเปล่า ทำไมมันไม่มีคนเลย น้ำสักหยดก็ไม่มี (แอบคิดว่ามีตายที่นี่ 555) น้องคนขับตอบกับมาว่า ไม่มีไรครับพี่ ช่วงนี้ไม่ใช่หน้าน้ำ เลยไม่มีน้ำ หน้าน้ำเดือน 10 นะพี่ นั่นไงงง !!! ผลของการไม่ได้ดูข้อมูลมาก่อนการเดินทาง 555 โหถังงง มาตั้งไกลไม่มีน้ำให้ดูสักหยดดด
กลับซิครับจะรอไรอยู่ กลับมาอาบน้ำ อาบท่าออกไปเดินถนนคนเดินหาไรกินกันดีฟ่า จิงเบียร์ชิว ๆ ช่วยให้หลับสบายยยย
วันนี้ เราจะไปวังเวียงกัน รถออก 9.30 โมงเช้าเราพอมีเวลาเลยตักบาตรข้าวเหนียว จากนั้นไปหาไรรองท้องกันสรุปเป็นร้านเดิมดีกว่า จากนั้นกลับไปเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อย จากนั้นออกไปถ่ายรูปวัด ไหว้พระ วัดเชียงทอง พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง วัดแสนสุข
จากนั้นก็ได้เวลารถ มารับ เราไปส่งที่บ้านนาหลวง 3 คน 200 บาท เรานัดให้มารับ 8.30 โมง เมื่อได้ที่นั่งเรียบร้อยก็หลับสิครับ เพราะแฮงค์เมื่อคืนจัดไปเยอะ จนพี่คนขับรถแวะให้เข้าห้องน้ำ ให้พักร่าง เลยลงไปหาไรเปรี้ยว ๆ กิน ได้มะม่วงมาาาา เปรี้ยวได้ใจจริง แต่มันยังไม่หาย ทำไงดี ขึ้นรถได้หลับสิครับ พี่คนขับ ๆ มาเรื่อยจนมาแวะให้เรากินข้าวที่เมืองกาสี ซึ่งอีกประมาณ 60 หลักก็ถึงวังเวียงแล้ว
ที่นี่มีทั้งข้าว และเฝอให้เลือก เราจัดเฝอร้อน ๆ ไป ค่อยดีขึ้นมาหน่อย ขับมาได้สักพักถึงแล้ววววว หารถเข้าเมืองดีก่าาาา เจอไปคนละ 80 บาท เอาก็เอา ขี้เกียจต่อละ ที่วังเวียงเราพักที่ Popular View Guesthouse เลือกแบบห้องที่มีระเบียงติดริมน้ำซอง ที่นี่เราก็โมเมนอน 3 คนอีกเพราะเค้าไม่ได้ถามไร เราสำรวจห้องพักเป็นอันถูกใจ เสียงเพลงขับกล่อมมาจากฟังตรงข้ามแม่น้ำ มันใช่มีความสุขเสียนี่กระไร ได้เบียร์สักกระป๋องนะ นั่งเพลินดีแท้ 555
สรุปค่าที่พักที่วังเวีย ของเราแค่คนละ 312 บาท / คืน เมื่อเอากระเป๋าเก็บแล้ว ล้างหน้า ล้างตา คว้ากล้อง ไปพี่ ๆ ถ้าจังกันมันปิด 5 โมงเด๋วไม่ทัน สรุปได้รถตุ๊ก ๆ ไปถ้ำจัง พอไปถึงทางเข้า คนที่ดูแลบอกถ้ำปิดแล้วนะ แง่วววว แต่พี่จีจี้ บอกไม่เป็นไรลองเดินไปล่ะกัน มาถึงแล้วนิ ลองเดินไปดูกัน พอไปถึงเจ้าหน้าที่เข้าได้ แต่รีบ ๆ หน่อย สวรรค์ เดินขึ้นบรรไดไปถ้ำ แม่เจ้าาาาาา.....ขาเกือบลาก แต่วิวจากด้านบนถ้ำจัง มองลงมาแล้วสวย ยิ่งเวลาพระอาทิตย์ทอแสงอ่อน ถ้ามีบอลลูนลอยมาให้เฟรม คือมันใช่อ่าาาาา ภายในถ้ำจะเป็นหินงอก หินย้อย ไม่มีไรมาก แต่มาติดตรงสะพาน กับทุ่งหญ้าข้าง ๆ สะพานเนี่ยล่ะ
สักพักมีบอลลูนลอยมา กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ ถ่ายรูปให้กรุส์หน่อยยย 5555 เสียงจากสวรรค์ วันนี้เราอยู่ดูพระอาทิตย์ตกที่นี้กัน เราใช้เวลาอยู่ที่นี้นานเชียววว หลังจากนั้นพวกเรากลับมาอาบน้ำ อาบท่าออกไปหาไรกินกัน เดินหากันอยู่สักพักได้อะไรรู้ไหมมม "ชายสี่หมี่เกี๊ยว" กินกันอย่างอเร็ดอร่อยย ประหนึ่งของดีของลาว 5555 และที่เมืองไทยไม่มีขายยย เมื่อกินอิ่มแล้วเราไปเดินหา Day Trips กัน เราสรุปกันแล้วล่ะ ว่าเอาร้านนี้ล่ะ เพราะเมื่อเย็นเราถามราคาไว้แล้ว คนละ 400 บาท คิดว่าไม่มีร้านไหนถูกกว่านี้แล้วล่ะ เพราะเท่าที่ถามมามีแต่แพงกว่านี้ ไปเหมือนกันเลย เลยจัดไปที่ร้านนี้ แต่พอไปถึงบอกน้อง พี่จะจอง Day Trip 3 คน วันพรุ่งนี้ น้องถามกลับเมื่อเย็นนู๋บอกพี่ไปเท่าไหร่ค่ะ เอาซิเข้าทางเรา อ๋อน้องบอกพี่ไว้ 350 บาทอ่า 3 คนอ่า 5555 น้องบอกไม่น่าใช่นะ น่าจะ 9 หมื่นกีบนะ 360 บาท มากกว่า เราเลย เออ ๆ ๆ น่าจะใช่นะ พี่คงจำผิด 55555 สรุปเราเลยได้ราคามาถูกเฉย คนละ 360 บาท พักผ่อนนะครับบ แล้วเด๋วพรุ่งนี้เราไป Day Trip กัน ใจจริงอยากไปล่องห่วงยาง แต่เค้าบอกมันจะเหนื่อยมาก เพราะช่วงนี้น้ำน้อย จะล่วงห่วงยางต้องมาช่วงเดือน 10 อีกแล้ว เดือน 10 อีกแล้วววววว คร่อกฟี้...คร่อกฟี้
Day Trip เค้านัด 8 โมงตรง เราเลยไปหาอาหารเช้ากินกันก่อน พอดีเมื่อคืนมีคนไทยแนะนำมาว่าร้านนี้อร่อย "ร้านแม่โอเลย์" จะมีทั้งข้าวเปียก เฝอ มันจะมี 3 ร้านติดกันนะ น่าเข้าทุกร้านนะ แต่ที่เราเลือกร้านนี้เพราะร้านนี้มีชาเย็นด้วยยย เป็นไงหลักในการตัดสินใจ ง่ายดีม่ะ 555 จากนั้นเราเดินในอาหารย่อย จนมาถึง บ. เกือบ 8 โมงล่ะ
ลูก ทัวร์แทบจะเป็นคนไทยหมดเลย มีคนจีนอยู่ 3 คน แต่ฟัง และพูดภาษาลาวได้ มีด้วยกันทั้งหมด 14 คน ตอนไปกำลังอึด ๆ ไม่ได้อยากผูกมิตรกับใคร แต่พอไปถึงที่แรกเค้าจอดรถให้ลงเดินข้ามสะพาน เพื่อผ่านหมู่บ้าน เด็ก ๆ ที่นี่น่ารัก จากนั้นเราจะผ่านทุ่งนา ซึ่งตอนนี้มันแล้งมากเลยไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ พี่เค้าบอกว่าถ้าอยากเห็นมันเขียวขจีทั่วทุ่งต้องมาหน้าน้ำ เดือน 10 อีกแล้วววว
เพราะฉะนั้นใครจะมาเที่ยวให้มาเดือน 10 นะเจ้าค่ะ เดินมาได้สักพักก็ถึงที่เราจะลอยห่วงยางเข้าถ้ำน้ำลอดกัน ที่นี่พี่ไกด์จะแจกไฟฉายคาดหัวให้เราคนละ 1 อัน ประมาณจะไปส่องกบ 555 จากนั้นไกด์จะให้ทะยอยเข้าไปทีละคน เพราะมันจะต้องไต่เชือกกันเข้าไปเป็นแถว มิตรภาพมันเกิดในนี้ล่ะ เราไม่รู้จักใคร ไม่มีใครรู้จักเรา
แต่ เราสนทนาเหมือนคนที่รู้จักกัน มีเสียงตะโกน น้อง ๆ ถ่ายรูปแล้วแท็กพี่ด้วยนะ มีอีกเสียงส่วนขึ้นตามว่า เฮ้ย!!! พี่เค้าจะแท็กพี่ไง เราไม่ได้เป็นเพื่อนกัน 5555 เออนะ ออกไปเด๋วเราไปแอด facebook กันนะ อันนี้คือความคิดของจีจี้ 555 คราวนี้ใครหยิบกล้องขึ้นมาก็ถ่ายด้วยตลอดดด จนตอนที่ล่องออกมามันจะไปชนกับกรุ๊ปที่ล่องเข้ามาใหม่ พวกเราก็ต้องปล่อยเชือก เค้านี้ล่ะ ความมันส์บังเกิด เราสาดน้ำใส่กัน ตีน้ำใส่กัน สนุกสนานกันใหญ่ ประมาณว่าเล่นสงกรานต์ในถ้ำ แต่มันสนุกมันเลยนะ พอออกมาถึงทางออก เหนื่อยสิครับ ไหนจะตี ๆ น้ำใส่เพื่อน ในจะหัวเราะ ตะโกนคุยกัน ประหนึ่งว่าเราอยู่ห่างกัน แต่จริง ๆ เราอยู่กันไม่เกินเอื้อมมือถึง
หลังออกจากถ้ำมาแล้วพี่ไกด์จะเตรียม อาหารไว้ให้เรา ที่นี่ล่ะเราได้พูดคุยกัน ได้เพื่อนใหม่หลายคนเชียวว แต่ที่ดีกรีถึงเห็นจะมี 2 คนเป็นคู่สามี - ภรรยา หนีลูกมาเที่ยวจากชัยภูมิ 555 คุยกันไป คุยกันมา เราก็บอก เฮ้ย!!!! กำลังหารถไปลงอุดรพาดีเลย ทางผ่านไปชัยภูมินี้ แกล้งพูดเล่น ๆ พี่เค้าบอกได้ ๆ เด๋วไปส่งให้ ทางผ่านอยู่ (แอบกระหยิ่มยิ้มในใจ สบายไปประหนึ่ง) ที่เหลือไปหาเอาดาบหน้า
จาก นั้นไอ้เราก็กระหายน้ำ หาไรมาจิบ เพื่อเติมเต็มมิตรภาพหน่อยสิ 555 คราวนี้ยาว เราซื้อ 1 พี่เต่า (เพื่อนใหม่) จัดมาอีก 2 ขวด ยาว ๆ จากนั้นเราก็ไปพายเรือกันต่อ ตอนพายเราได้พายกับพี่นู๋วิทย์ แล้วก็น้องไกด์อีกคน ส่วนพี่จีจี้ได้นั่งกับพี่ไกด์ อีกคน สบาย ๆ กันไป แต่ขอบอกว่า ร้อนมากกกกก ประมาณเที่ยงกว่า ๆ พระอาทิตย์ตรงหัวเลยจ้าาาาา พายไปเรื่อย ๆ มันจะผ่านบาร์น้ำ อ๊ายยยยยย !!!! เจ้อยากแวะ บรรยากาศน่ามันส์ เปิดเพลงกระหึ่มท้องน้ำมาก แต่ที่ชอบที่สุดคือ เค้ากางโต๊ะกันในน้ำ ปักเต๊นท์กันในน้ำ คือ มันแจ่มแจ๋วมาก พี่ชอบพูดเลออออ ตอนแรกไกด์จะไม่แวะให้ แต่ไป ๆ มา ๆ ก็แวะให้ แต่ให้แค่ 20 นาที
แต่ สำหรับพวกเราแค่นี้ก็เอา ระหว่างที่เราพายไป มันจะมีบาร์น้ำขายเบียร์ไปตลอดเส้นเลย สบายแล้วเรา คิดดูฟิวแค่ไหน พายไป จิบเบียร์ไป จนมันไปสิ้นสุดที่สะพานไม้ไผ่ ซึ่งมันอยู่หลังที่พักเราพอดี ตรงนี้จะมีคล้าย ๆ ซุ้มไม้ไผ่ไว้ให้นั่งกิน นั่งดื่ม เพื่อใครมาเป็นครอบครัวก็นั่งได้ เพราะเด็ก ๆ ก็ได้เล่นน้ำด้วย พวกเราพร้อมทั้งเพื่อนใหม่นั่งชิวกันอยูตรงนี้ได้สักพัก
เพื่อน ใหม่ของเราถามว่า ไป Blue Lagoon มายัง มันสวยมากนะ น้ำใส เป็นสีเขียวเชียว พวกเราตัดสินใจว่าจะไปกัน แต่ให้แดดร่ม ลมตกก่อนเค้าไป นี้ล่ะความเละเทะก็บังเกิดขึ้น น้ำใส ๆ เย็น ๆ นั่งแช่น้ำ จิบเบียร์คลอเสียงเพลง แถมเป็นเพลงสายพันธุ์ไทยบ้านเรา คือ "ความสุข"
หลัง จากที่พวกเราเริ่มเละเทะล่ะ ก็ได้เวลาไป Blue Lagoon กันพวกเราเช่ามอไซค์ 2 คัน เพื่อนใหม่ 1 คัน ส่วนคันเราอัด 3 คนไปให้พี่นู๋วิทย์เป็นคนขับ ขอบอกว่าทางขรุขระสุด ๆ ฝุ่นก็แยะ ทางไม่ค่อยดีเลย แต่ตลอดเส้นทางเราก็จะเห็นฝรั่งปั่นจักรยานเป็นระยะ ยังคิดในใจ เออเค้าอึดดีอ่าาาาา พอไปถึง Blue Lagoon เห็นสีน้ำ พี่แทบอยากจะกระโดด แต่ชูชีพอยู่ไหน ๆ น้องต้องใส่ชีชีพนะ เพราะว่ายน้ำไม่เป็น เจอเพื่อนใหม่หัวเราะเยาะใส่อีก อ้าวววว !!! ฉันก็คิดว่าแกรว่ายน้ำเป็น ปัดโถ เค้าไม่มีชูชีพให้ อดเลย จากนั้นพอเดินไป เจอวงดนตรี เค้านี้นั่งแชร์กันเลยทีเดียว
แต่!!!!! เราบอกเราว่ามัน....เละเทะ พอเพลงคาราบาวขึ้นเท่านั้น สเต๊ปมาสิครับ จะรออะไร ความมันส์บังเกิด พอได้ทีจัดเบียร์กันอีกชุด เค้านี้เพลงมันส์ เบียร์มา แด๊นซ์กันไม่หยุด ไม่บอกว่าสายเพื่อชีวิตตตตต
เรา คุยกันไว้ว่า เด๋วค่ำ ๆ จะไปผับแถวหลังที่พักของเรากัน (คือตั้งแต่มา มันเปิดเพลงน่าแด๊นซ์มาก ร้าวใจเค้ามากกก เลยชวนพี่จีจี้ไว้ เค้าบอกจะพาไปวันนี้) พอเราแด๊นซ์ไปได้อีกสักพักเพลงหยุด อารมณ์ค้าง ไอ้เราก็คิดว่าจะเปลี่ยนวง ป่าวเลยเค้าเลิกแล้วต่างหาก ไม่บอกลากันสักคำ ป่าวให้เราเค้งคว้าง 5555 นี่ล่ะนะเพลงจบ คนไม่จบ
พวกเราพาร่างที่ เละเทะกลับมาที่พัก คุยกันว่าจะอาบน้ำ และไปกินข้าวกันก่อน ค่อยไปผับ แต่ระหว่างที่จะขึ้นไปอาบน้ำ เราแวะจองตั๋วรถกลับเวียงจันทร์ พอเราออกมา พี่ ๆ บอก เพื่อนใหม่ไม่ไหว เกิดมาไม่เคยเมาขนาดนี้ 5555 นี้ไม่ได้เรียกเมาอย่างเดียว แต่มัน "เละเทะ" ด้วยพี่ ไอ้เราก็เสียใจอดไปผับอีกตามเค้า เพราะพี่จีจี้ก็เพลียร่าง (แกรแก่ล่ะ 555) สรุปคือนี้เราหลับกันแต่หัวค่ำ ด้วยความเพลียแดด เพลียกับการเดินทาง เพลียกับการกิน แต่เราก็สุขใจในความเพลีย
มอร์นิ่งงงงงง....เช้านี้ เราตื่นมา พร้อมกับความสดชื่น เพราะเมื่อคืนนอนเร็ว เลยไปหาไรรองท้องกันก่อน เพราะเด๋วเราต้องกลับรถเที่ยว 9 โมงเช้า เรากินกันร้านเดิม ตอนแรกตั้งใจจะกินร้านใหม่ แต่ร้านที่เราจะไปกิน มันมีแต่ไก่ พี่นู๋วิทย์ไม่กินไก่ แล้วต้องย้ายไปกินร้านเดิม หลังจากกลับมาจากกินข้าวเช้า มาถึงที่ัพัก เพื่อนใหม่ของเรายืนรออยู่คนนึง บอกอีกคนไปหาห้องเรา พวกเราพร้อมใจกันหัวเราะ 5555 จะหาเจอใหม่ ทางมันซับซ้อนมากกกก สรุปเราเดินไปที่ห้องล่ะ เพื่อนใหม่เรายังไม่มา ต้องเดินกลับไปหากัน 5555 เมื่อเรียบร้อยพวกเราไปขึ้นรถกลับไปเวียงจันทร์ ใจจริงอยากได้ไปลงอุดร มากกว่าเพราะที่อุดร มีรถต่อไป จ. เลย แต่พี่เค้าบอกว่ามันเต็ม เราเลยต้องไปต่อเอา เพื่อนใหม่ของเราจอดรถไว้ที่ฝั่งหนองคาย พอรถมาถึงเวียงจันทร์ พวกเราเหมารถตุ๊ก ๆ ให้ไปส่งที่ด่านเค้าคิดคนละ 80 บาท เอาน่าไม่อยากต่อละ เมื่อย ระหว่างทางไปด่าน แม่เจ้าเค้าเล่นน้ำสงกรานต์กันไปตลอดทาง เปียกสิครับจะเหลืออะไร ต้องข้าวของใส่ถุงกันน้ำกันให้วุ่นวายยยย บ้านเค้าก็เล่นคล้าย ๆ บ้านเราล่ะ ด้วยว่ามันเป็นรอยต่อ เพราะแต่ละที่ก็เปิดเพลงไทยเนี่ยล่ะ เมื่อมาถึงด่านทำเรื่องผ่านแดนเรียบร้อย ก็ต้องไปซื้อตั๋วรถข้ามไปฝั่งหนองคาย คนละ 20 บาท
เยส!!!!! เหยียบแผ่นดินไทยล่ะ คิดถึงสุดชีวิต แต่ความเละเทะเรายังไม่หมดแค่นี้ เราได้รถจากหนองคายไปอุดรแล้ว แต่เรายังเหลือรถจากอุดร ไปเลย เราเคยดูข้อมูลมา เค้าบอกว่า มีรถออกทุก 20 นาที รอบสุดท้าย คือ 6 โมง คำนวณเวลาถ้าไปถึง บขส. อุดร น่าจะประมาณ 5 โมงกว่า ๆ เกือบ 6 โมง
เพื่อน เราพาเหาะเลยยยย....พอไปถึงเรารีบวิ่งไปหารถ ด้วยความโชคดี คันที่เราไปถามมันเป็นรถ พิษณุโลก - อุดรธานี แต่พี่เค้าถามว่าจะไปเลย ตรงไหน เราเลยบอกว่าไป บขส. เลยค่ะ พี่เค้าบอกคันนี้ผ่าน รถกำลังจะออก ขึ้นได้เลยยยย พอเดินกลับไป เฮ้ย!!! ขึ้นได้เลยนี้มันมีที่นั่ง ใช่ไหมค่ะพี่ หรือเป็นเก้าอี้เสริม พี่เค้าแจ้งบอกมีค่ะ ขึ้นไปเลยค่ะ เด๋วไปเก็บค่าโดยสารบนรถ ค่ารถคนละ 120 บาท ทริปนี้เราจบแบบสวย ๆ
ขอบคุณในมิตรภาพ และความใจดีของเพื่อนใหม่
ขอบคุณการเดินทาง ที่ได้มอบความสุข รอยยิ้มให้เสมอมา
แล้วพบการใหม่ ในการเดินทางครั้งต่อไปนะค่ะ