1
สำหรับรายละเอียดขอมาเติมให้วันหลังนะครับ วันนี้เอารูปสดไปกันก่อนนะครับ รวมเป็นทีมงานสมาชิกที่ไปด้วยกันครับ จะมาอัพรูปให้ดูเรื่อยๆนะครับ
สำหรับทริปนี้ไปกัน 10 คนครับ ค่าใช้จ่ายรวมไม่ถึง 20,000 ครับ กินกันอย่างราชา ทั้งๆที่ของกินราคาช่างโหดร้ายยิ่งนัก แต่ก็ยังถือว่าคุ้มครับ
คิดต่อหัวไม่เกินคนละ 2 พันครับ ถือว่าคิดถูกที่เช่ารถตู้ไป แต่อาจจะคิดผิดที่เช่าคันนี้ 555 แต่ก็ถือเป็นการลุ้นอีกอย่างหนึ่งครับ ไม่งั้นมันจะไม่ตื่นต้นตื่นตาตื่นใจ
การเดินทาง จากปทุมธานี พอดีบ้านอยู่ที่นี่ อิอิ เดินทางด้วยรถตู้สุดโหดครับ ขับไปไกล้ถึงจุดหมาย สิ่งที่เราต้องเจอคือ รถตู้เกียร์ค้าง
รถไม่ยอมเปลี่ยนเกียร์ให้ โอวิ่งลากเกียร์ 1 ตลอดจนคนขับหาทางแก้โดยลากเกียร์ 3 ตลอดทาง เล่นเอาไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว
ลากเกียร์ 3 ไปพอประมาณด้วยการ ขึ้นเขาลงเขา ช่างน่ากลัวยิ่งนัก วิ่งไปได้สักพักใหญ่ๆ ถึงประมาณ 6 โมงเช้าได้ครับเกิดปัญหาเพิ่มมา
น้ำมันหมด โอ้อะไรจะขนาดนั้น ทุกอย่างช่างลงมาที่รถคันนี้
แต่ก็ยังดีและเป็นสิ่งที่ดีครับ คนแถวนั้นใจดีและมีน้ำใจมากครับ ให้เราขึ้นรถของเขาพร้อมพามาส่งที่ ภูกระดึง ส่วนรถตู้ปล่อยทิ้งไว้ข้างถนน
วิ่งหาเติมน้ำมัน ส่วนพวกเราก็ต้องรีบเพราะว่า เรทไปมากแล้ว หลังจากมาส่งผมเลยช่วยพวกพี่ๆใจดีทั้งหลายมาถ่ายรูปสักหน่อย
และแล้วเราก็เริ่มเดินขึ้น แรกๆก็ชิลๆดีครับ สองข้างทางเป็นธรรมชาติ ค่อนข้างสมบูรณ์ อาจจะเป็นช่วงเปิดภู แรกๆครับเราไปในตอนต้นเดือน พ.ย. ครับ
ทุกอย่างยังเป็นสีเขียวอยู่เลยครับ ยังไม่ถึงกะหนาวมากมาย คนไปก็ไม่ค่อยเยอะครับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีครับ เราไปไม่ใช่ช่วงเทศกาลด้วยคับ
ระหว่างทางก็จะมีจุดหยุดพักและร้านอาหารครับ เดินมาแสนจะเหนื่อยก็พักสักหน่อย
ช่วงทางผ่านแต่ละ ซำ ก็จะมีร้านค้าคอยต้อนรับตลอดครับ แนะนำว่าแบ่งๆ ร้านกันนั่งมั่งนะครับ บางร้านอยู่หลังๆก็ไม่ค่อยจะขายได้ สำหรับรูปร้านค้าจะเอามาเพิ่มให้นะครับ
ไม่รู้จะยากไปไหม แบกทั้งกล้องสองตัว ขาตั้งกล้องอีก แรกๆก็ไหวอยู่หลังๆชักจะหนักเอาเรื่องเลย สลับข้างไปมาตลอด กลัวไม่ได้รูปกลับมา
วันที่สอง
เราเดินทางไปทางน้ำตก ตามเส้นทางที่ทางร้านค้าที่พักแนะนำมาครับ คือเดินวนไปทางน้ำตก แล้วค่อยวนไปที่หน้าผาเพื่อดูพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น การเดินทางช่างยาวไกลยิ่งนัก พวกเราตั้งใจว่าไหนๆก็มาแล้ว เอาวะเดินให้มันทั่วเลย สองข้างทางเป็นธรรมชาติสวยงามตลอด อาจจะเป็นช่วงที่ยังชุ่มชื้นอยู่ด้วยครับ ข้างทางก็มีต้นไม้ ต้นสนใหญ่ตลอดการเดินทาง
ระหว่างทางเดิน ผมก็จะถ่ายเห็ดเก็บไว้ ไม่รู้เป็นไรช่วงนี้ชอบถ่ายเห็ด ไม่ต้องถามชื่อนะครับเพราะผมก็ไม่รู้ว่ามันคือเห็ดอะไรมั่ง อิอิ เดาๆว่าน่าจะเป็นเห็ดตระกูลหลินจือ มีหลายสีหลายแบบมากมายครับ
ช่วงเส้นทางเดินไปน้ำตก เป็นทางเดิมริมรำธารจากน้ำตกไปเรื่อยๆครับ สองข้างทางธรรมชาติเขียวมากเลยครับ มีมอสขึ้นเต็มไปหมดครับ ยังกะอยู่ในเมืองนิยาย หรือ หนังเรื่องอวตาร เลยครับ ใครที่ไปก็ลองเดินไปดูนะครับ เส้นทางนี้ผมตั้งใจไปหาถ่ายใบเมเปิ้ลเลยครับ
ตรงเค้าท์เตอร์อุทยาน มีรูปเจ้าต้นนี้อยู่ ผมเลยต้องหาถ่ายไว้มั่ง อิอิ ถือว่าเป็นการเก็บรายละเอียด ที่น่าถ่าย ป่าที่สมบูรณ์จะมีเจ้าพวกนี้อยู่ครับ อาจจะชุ่มชื้นพอดูเลย อ่อรูปนี้ถ่ายได้ที่เส้นทางไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ ผานกนางแอ่น .... เรียกผิดก็ต้องขอโทษด้วยครับ แล้วนอกจากนี้ระหว่างทางเดินไป ดูพระอาทิตย์ตกดิน ก็มีนะครับช่วงก่อนจะถึง จะขึ้นอยู่ริมทางเดินครับต้องตั้งใจหาหน่อยนะครับ
ผานกนางแอ่น
ดูจากรูปจะเป็นนกนางแอ่นกำลังจะบินครับ 5555 เป็นสถานที่ดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ทางไปนี่หมอกลงหนามากครับ มองไม่เห็นทางเดินเลยครับ แถมเจ้าหน้าที่ต้องนำเพราะกลัวว่าจะเจอช้างป่าครับ ผมสงสัยอีกอย่างคือ เจ้าหน้าทีเดินนำจริงครับ แต่คนตามนี่เยอะมาก แล้วถ้าช้างมาช่วงกลางๆหรือด้านหลังพวกที่เดินช้า จะทำไงหว่า
ผมไปยืนดูหมอกอยู่นาน รอจนเริ่มมีแดดและก็เริ่มเห็นเมฆอยู่บ้างครับ แต่ได้รูปมาไม่เยอะครับ เรารอจนเหลือไม่ถึงสิบคน และคาดว่าหากอยากได้รูปต้องรออีกสัก 1-2 ชม ครับผมเลยกลับก่อนดีกว่า ตอนกลับก็เดินว้าเหว่อยู่ครับ เพื่อนเดินหายไปหมด
ทริปนี้ไปกันไม่เยอะครับ เป็นทริปบริษัทครับ มีแต่น้องๆไปทำให้เรารู้ว่าเราเริ่มแก่แล้ว
ตกเย็นเดินจนถึงสถานที่ ดูพระอาทิตย์ตก น่าเสียดายครับ คนเยอะหน่อยแถมพระอาทิตย์โดยเมฆบัง ผมเลยขอถ่ายมาแนวนี้แทนละกัน
แบบอื่นๆไม่ค่อยได้ถ่ายสักเท่าไหร่